ทำไมจอ Monitor แบบแยกจึงจำเป็นสำหรับงานวิดีโอ?

สำหรับงานวิดีโอระดับมืออาชีพ การมี จอ Monitor แบบแยก เป็นสิ่งที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นและแม่นยำขึ้นอย่างมาก เพราะจอที่ติดมากับกล้องมักมีขนาดเล็กและอาจไม่สามารถแสดงสีและรายละเอียดของภาพได้อย่างถูกต้อง การใช้ Monitor แบบแยกจึงช่วยให้ช่างภาพและผู้กำกับสามารถควบคุมภาพที่กำลังถ่ายทำได้ดีขึ้น

1. ช่วยให้เห็นรายละเอียดของภาพได้คมชัดขึ้น

Monitor แบบแยกที่มีความละเอียดสูง เช่น Full HD หรือ 4K ทำให้สามารถตรวจสอบ โฟกัส, การรับแสง และรายละเอียดของภาพ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดที่อาจมองไม่เห็นบนจอขนาดเล็กของกล้อง

ข้อดี:

• เห็นรายละเอียดของโฟกัสได้ชัดขึ้น

• ตรวจสอบคุณภาพของภาพได้ทันที

• ช่วยให้ตัดสินใจได้แม่นยำขึ้นขณะถ่ายทำ

2. แสดงสีได้แม่นยำขึ้น ช่วยให้การเกรดสีง่ายขึ้น

จอ Monitor ระดับมืออาชีพรองรับ Color Gamut กว้าง เช่น Rec.709 หรือ HDR ทำให้สามารถมองเห็นสีได้แม่นยำขึ้น ช่วยให้สามารถควบคุมและปรับค่าแสงสีของวิดีโอให้เหมาะสมก่อนการตัดต่อ

ข้อดี:

• เห็นโทนสีที่ใกล้เคียงกับผลลัพธ์สุดท้าย

• ป้องกันสีผิดเพี้ยนเมื่อเข้าสู่กระบวนการ Post-Production

• รองรับ LUTs เพื่อดูตัวอย่างสีของวิดีโอแบบเรียลไทม์

3. ระบบช่วยโฟกัสและการวัดแสงแม่นยำ

Monitor แบบแยกมักมีฟีเจอร์เสริม เช่น Focus Peaking, Zebra Pattern และ False Color ที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบการตั้งค่าได้อย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าวิดีโอที่ถ่ายออกมามีคุณภาพดีที่สุด

ฟีเจอร์ที่มีประโยชน์:

• Focus Peaking: แสดงจุดที่โฟกัสชัดเจน

• Zebra Pattern: เตือนเมื่อแสง Overexposed

• False Color: ช่วยตรวจสอบค่าการรับแสงของภาพ

4. การเชื่อมต่อที่ครบครัน รองรับการทำงานแบบมืออาชีพ

จอ Monitor แบบแยกสำหรับงานวิดีโอระดับมืออาชีพมักมีพอร์ตเชื่อมต่อหลากหลาย เช่น HDMI และ SDI ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับกล้องระดับมืออาชีพ รวมถึงสามารถต่อพ่วงกับอุปกรณ์เสริม เช่น เครื่องบันทึกวิดีโอหรือมิกเซอร์เสียง ได้อย่างสะดวก

พอร์ตที่ควรมี:

• HDMI In/Out รองรับกล้อง Mirrorless และ DSLR

• SDI (สำหรับงานระดับโปร)

• 3.5mm Audio Output เพื่อตรวจสอบเสียง

• USB-C หรือ DC Power Input รองรับแหล่งพลังงานเสริม